วันเสาร์, ธันวาคม 29, 2555

เส้นทางของ FTIsland “ยิ้มและต่อสู้ไปพร้อมกัน”

[TH-Trans//Interview] เส้นทางของ FTIsland “ยิ้มและต่อสู้ไปพร้อมกัน”

------------------------------------------------




พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างเป็นจังหวะทั้งการยกย่องที่แสนอบอุ่นและความเข้าใจผิด แต่ตอนนี้พวกเขาได้แก้ไขคำถามที่สำคัญที่สุดของพวกเขาแล้ว พวกเขาต้องการเพียงแค่เดินไปตามทางของพวกเขา เฉกเช่นเส้นทางที่ทั้งห้าคนได้ทำไว้อยู่แล้ว : ยิ้มและต่อสู้ไปพร้อมกัน

ทีละคน, ห้าหนุ่มเดินเข้ามาในสตูดิโอและทักทายเพื่อนๆของพวกเขา และช่างภาพ ต่อจากนั้นพวกเขาก็มาทักทายกับบรรณาธิการและสไตล์สิสที่เจอกันเป็นครั้งแรก แต่พวกเขาทักทายกันราวกับว่าพวกเขาเคยเจอกันมาก่อน ในขณะที่พวกเขาสลับกันทำผมและเมคอัพอยู่นั้น สมาชิกเอฟทีไอส์แลนด์ต่างก็นั่งเล่นกีต้าร์

มือกีตาร์วงเอฟทีไอส์แลนด์, ชเวจงฮุนได้นำกีตาร์มาด้วย จงฮุนเล่นเพลงไปเรื่อยๆโดยไม่มีการหยุดพัก สมาชิกที่เหลือนั่งฟังและพูดคุยกันเล็กน้อย และมีโอกาสที่จะได้เล่นเพลงของพวกเขาเองเช่นกัน ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันทั่วๆไปของพวกเขาสำหรับสมาชิกวงดนตรีเหล่านี้ที่เดบิวต์ตั้งแต่พวกเขายังเป็นวัยรุ่น (ถ้านับจากตอนนี้) ก็เกือบจะหกปีผ่านแล้วสินะ

ตั้งแต่นาทีแรกที่พวกเขาปรากฎตัวภายใต้ชื่อที่ไม่คุ้นเคยอย่าง ไอดอลแบนด์ เรื่องอื้อฉาวทวีความรุนแรงขึ้นและความสังสัยที่ตามหลอกหลอนเอฟทีไอส์แลนด์ ในช่วงเวลานั้นสมาชิกควรจะอธิบายเกี่ยวกับตัวของพวกเขาและแสดงความผิดหวังของพวกเขาออกอากาศ

เรื่องอื้อฉาวส่วนใหญ่จะเน้นไปในเรื่องเดียวกัน : วงดนตรีควรจะเขียนเนื้อและแต่งทำนองเพลงด้วยตัวพวกเขาเอง แต่เอฟทีไอส์แลนด์ไม่สามารถทำได้ สำหรับคนทั่วไป เอฟทีไอส์แลนด์เป็นกลุ่มไอดอลที่ถูกนำมาโดยเอเจนซี่ทางบันเทิงเท่านั้น"พวกเราพูดคุยเกี่ยวกับการรับรู้ของคนทั่วไปที่มีต่อพวกเราในฐานะวงดนตรีไอดอล" ฮงกีกล่าว " มันถึงเวลาแล้วที่จะแบ่งปันเพลงที่พวกเราแต่งขึ้น พวกเรามักจะเขียนเนื้อและแต่งทำนองเองเสมอครับ"

เหมือนกับที่ฮงกีกล่าว, เอฟทีไอส์แลนด์กำลังรอคอยเวลาที่เหมาะสมสมาชิกทุกคนต่างผิดหวังที่ไม่สามารถปล่อยเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นเป็นเพลงไตเติ้ลที่เกาหลีได้ ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับอัลบั้มเต็มของพวกเขา ‘Five Treasure Box,’ ที่วางแผงในเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลายๆเพลงในอัลบั้มเป็นเพลงที่สมาชิกแต่งขึ้น แต่พวกเขายังคงพูดว่า พวกเขาต้องการที่จะทำให้ได้มากกว่านี้

"อัลบั้มประกอบไปด้วยเพลงที่พวกเราแต่ง แต่พวกเราไม่ได้รับเครดิตทั้งหมดครับ" มือเบสอย่างลีแจจินกล่าว " นั้นคือเหตุผลที่ช่วยไม่ได้แต่เรารู้สึกผิดหวังครับ"

ในรายการเพลง สมาชิกเอฟทีไอส์แลนด์กล่าวว่าพวกเขาต้องการจะเดินไปตรงกลางระหว่างไอดอลและวงดนตรี มันอาจเป็นความรู้สึกที่คลุมเครือ แต่นี่เป็นคำตอบที่เอฟทีไอส์แลนด์เดินมาไกลในระยะเวลา  อันยาวนานที่ผ่านมานี้

"พวกเราพยายามที่จะไม่ซ่อนอยู่ตรงกลาง พวกเราไม่แคร์ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ เวลาสำหรับสิ่งนั้นจบลงไปแล้ว พวกเราไม่ชอบโลก "ไอดอล" และต้องการที่จะกลายเป็นสิ่งที่แตกต่าง แต่ภาพลักษณ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายๆ มีผลประโยชน์มากมายจากการเป็นไอดอล ดังนั้นพวกเราไม่สามารถปฏิเสธมันอย่างง่ายดาย นั้นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงพยายามหาทางเดินอยู่ตรงกลางระหว่างไอดอลและวงดนตรี แฟนๆที่ชื่นชอบพวกเราเป็นครั้งแรกเพราะภาพลักษณ์ของพวกเราควรจะมาที่คอนเสิร์ตของเราและจะชื่นชอบดนตรีของพวกเรามากขึ้นครับ"

เพราะคนทั่วไปมักจะไม่ให้ผลตอบรับที่น่าพอใจ เอฟทีไอส์แลนด์จึงทุกข์ทรมานจากหัวใจที่เจ็บปวดมาเป็นระยะเวลานาน แต่ผลจากความขยันของพวกเขาก็แสดงให้เห็นที่ประเทศญี่ปุ่น

ที่ญี่ปุ่นปีที่ผ่านมา, เอฟทีไอส์แลนด์ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มอัลบั้มของพวกเขา ‘Five Treasure Island.’ ที่มียอดขายถึง 37,000 ชุด และติดท็อปชาร์ทอันดับหนึ่งในโอริกอดชาร์ทประจำสัปดาห์ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโอิกอตที่ศิลปินชายต่างประเทศได้อันดับหนึ่งในชาร์ตประจำสัปดาห์จากอัลบั้มเดบิวต์ นอกจากนี้ยอดขายของอัลบั้มยังมีความหมายพิเศษเพราะมันสะท้อนถึงแฟนๆที่เพิ่มมากขึ้

ในเกาหลีปีนี้ สมาชิกเอฟทีไอสแลนด์ได้มีโอกาสแสดงเพลงของพวกเขาหลายต่อหลายครั้ง "ผมรู้สึกมีความสุขมากๆเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลงทะเบียนจดลิขสิทธิ์ครับ" มือกลองชเวมินฮวานกล่าว "มันแค่หนึ่งถึงสองเพลงแต่อย่างน้อยผมก็สามารถทำให้ทุกคนรู้ได้ว่าผมทำดนตรีครับ" จนถึงตอนนี้ น้องเล็กยังรับฟังความคิดเห็นจากพี่ๆ แต่ความไร้เดียวสาของเขากลับกลายเป็นความตึงเครียด "เหมือนกับวงอื่นๆ พวกเราต้องการทำอัลบั้มร่วมกันในระยะเวลาสามเดือนถึงหนึ่งปี แต่ก็ยากที่จะทำได้ในระยะเวลาแค่สามเดือน และนั้นเป็นอะไรที่น่าผิดหวังเพราะพวกเราต้องการที่จะเล่นและแสดงให้เพลงของเราเองครับ"

ในขณะที่พูดคุยเกี่ยวกับดนตรี สมาชิกต่างตั้งใจฟังกันและกัน โต้ตอบและเสนอความคิดเห็น พวกเขาบอกว่าพวกเขาเข้ากันได้ดีแต่การสนทนาของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาพูดคุยหลายๆสิ่งด้วยกันในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ถ้ามินฮวานล้มเหลวในความคิดของเขา แจจินจะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือเขา และถึงแม้ว่าซึงฮยอนจะตัดบทฮงกีในขณะที่พูด ทุกคนก็จะให้ซึงฮยอนพูดจนจบ

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ทำงานในออฟฟิต สมาชิกเอฟทีไอส์แลนด์ได้ออกมาเผชิญโลกแห่งความจริงเป็นเวลาหกปีแล้ว และสำหรับพวกเขา วงดนตรีสามารถมองเห็นได้เฉกเช่นสังคมเล็กๆของพวกเขา หนุ่มๆทั้งห้าคนนี้จัดการกับที่พักของพวกเขายังไงกันนะ?

"ผมคิดว่าเมื่อมีแต่พวกเรา พวกเราสามารถสู้และทำผิดพลาดได้ แต่เมื่อพวกเราแยกออกมาพัก พวกเราทำได้ดีเลยครับ" ลีดเดอร์ชเวจงฮุนกล่าวปราศจากความลังเล "แต่น้องๆ (มักเน่) ของพวกเรามักจะคิดถึงเรื่องของตัวเองที่พวกเขามักจะทำตามที่ผมบอก แม้ว่าตอนที่พวกเขามีบางอย่างจะบอกผม พวกเขาจะเก็บมันไว้ในใจจนมันสายไปไม่ก็เกิดปัญหาครับ ถ้าพวกเขาเหนื่อย พวกเขาสามารถบอกผมได้ว่าอะไรที่อยากจะทำ"
จงฮุนดูเหมือนจะวิพากษ์วิจารณ์น้องๆ แต่อันดับแรกเขาจะให้ทำตามความสามารถของพวกเขาให้ดีที่สุดและค่อยทำตามคำแนะนำของเขา

"ผมเจอพี่ๆตอนที่ผมเรียนโรงเรียนประถม" มินฮวานกล่าว "พวกเขาให้ความรู้สึกเหมือนครอบครัวแล้วล่ะครับตอนนี้ และมากกว่า ดังนั้นผมไม่มีพี่ชายครับ" มักเน่ดูเหมือนจะคิดทบทวนทุกอย่างเสร็จสิ้นมานานแล้ว " เมื่อผมเห็นพวกเขาสนุกสนาน แม้ผมจะคิดว่าพวกเขายังเด็ก แต่เมื่อพวกเขาจริงจัง พวกเขาก็จริงจังจริงๆและสามารถเชื่อถือได้ครับ"

แจจินที่อายุของเขาอยู่ตรงกลางของสมาชิกทั้งห้าคน และตั้งแต่สมาชิกเริ่มแยกกันใช้ชีวิตเป็นระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมา เขากลายเป็นหัวหน้าของซึงฮยอนและมินฮวาน (อยู่หอเดียวกันแต่อยู่กันคนล่ะชั้นค่ะ)

"เมื่อพวกเราต้องอยู่แยกชั้นกัน แจจินปฏิเสธที่จะย้ายล่ะครับ แต่ผมคิดว่าตอนนี้เขาสนุกสนานกับสิ่งนี้มากที่สุดครับ" ฮงกีกล่าวล้อเลียนและแจจินก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

"ชีวิตเป็นสิ่งที่สวยงาม" แจจินกล่าว " ผมไม่อยากจะเป็นหาง ผมอยากที่จะเป็นหัวครับ" (ในที่นี่ น้องแจน่าจะหมายถึง ได้อยู่กับน้องๆ น้องจะได้ไม่โดนพี่ๆใช้ทำงานค่ะ)

แม้ในขณะที่พวกเขาอาศัยอยู่ร่วมกัน แจจินก็จะทำหน้าที่เป็นสะพานตรงกลางระหว่างสมาชิกที่อายุมากและอายุน้อย และทำงานอย่างหนักเพื่อให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่น ซึงฮยอนเรียกแจจินว่า เป็นพี่ชายที่เข้าใจมากที่สุด

ในตอนท้ายของการสัมภาษณ์เมื่อหัวข้อเปลี่ยนไปในเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่บ้าน สมาชิกวงเอฟทีไอส์แลนด์หัวเราะออกมาเสียงดังกว่าที่เคย พวกเขาพยายามที่จะพูดตอนแรก และตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ และก็หัวเราะออกมาดังๆ ทั้งห้าหนุ่มที่พูดเกี่ยวกับอนาคตของพวกเขาที่ยังไม่เกิดขึ้น ห้าหนุ่มที่เคร่งขรึมได้เตรียมสิ่งนั้นไว้แล้วเอฟทีไอส์แลนด์อาจจะปรากฎตัวในรูปลักษณ์ที่โตขึ้น แต่พวกเขากำลังเติบโต

ยืนอย่างมั่นคงบนมิตรภาพของพวกเขาที่พวกเขาสร้างขึ้นจากความสุข, ความเศร้า, ความขัดแย้ง และการพูดคุย ที่สร้างขึ้นจากหลายๆปีที่ผ่านมา เอฟทีไอส์แลนด์จะขยายพื้นที่ของพวกเขา แม้ว่าพวกเขายังมองไม่เห็นโอกาสที่เหมาะสม พวกเขาจะก้าวเดินต่อไปด้วยความอดทน ♥

***


Credit: article written by Go Hyun Kyung @Singles Magazine
Eng translated & edited : DJ.Pri (@ChocopieK)
Thai translated : FT_FamilyThai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น